หนุ่ม กะลา’ ถอนฟ้องคดีใหญ่-เซ็นใบหย่า! ‘จูน เพ็ญชุลี’ เผยเหตุผลใจหายกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่

จูน เพ็ญชุลี เปิดใจหลังจากประกาศเซ็นใบหย่าอดีตสามี หนุ่ม กะลา ตามข้อตกลงหลังจากที่อีกฝ่ายได้มีการถอนฟ้องคดียักยอกเงินห้างหุ้นส่วนทองสมบูรณ์ 365 จำกัด จำนวน 66 ล้านบาท และได้มีการนัดเซ็นหย่าในวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ
โดย จูน เพ็ญชุลี ได้เปิดใจ ยอมรับว่ารู้สึกใจหวิว เพราะไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาถึงจุดนี้ แต่ก็ถือจบกันด้วยดี เป็นเรื่องปกติของคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากกว่า 20 ปี ที่จะรู้สึกใจหาย
ตนและอดีตสามียังสามารถพูดคุยกันได้แบบเพื่อน ไม่ได้มีปัญหาอะไรคาใจ ส่วนสภาพจิตใจตอนนี้ถือว่าดีขึ้น 90% เพราะผ่านการเสียใจ ร้องไห้ และช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว หลังจากนี้ก็ยังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้กับลูก
ในเรื่องของข้อตกลงเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ อดีตสามีสามารถมาเจอลูกได้ทุกเวลาที่ต้องการ เพียงแค่ยังไม่อนุญาตให้นอนค้างคืนเนื่องจากลูกยังเด็กอยู่เท่านั้น ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเลี้ยงดูทาง อดีตสามีเป็นผู้รับผิดชอบตามเดิม
ส่วนในเรื่องของคดีฟ้องร้องมือที่สามก็เป็นไปตามขั้นตอนอยู่ในช่วงเจรจาไกล่เกลี่ยซึ่งคาดว่าสักวันคงจะต้องจบลง นอกจากนี้ทาง จูน เพ็ญชุลี ยังขอบคุณทุกๆ คนที่ส่งกำลังใจมาให้โดยตลอด
ขณะที่ทาง หนุ่ม กะลา ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและตอบเพียงสั้นๆ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้คุยกันไว้และขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่มารอทำข่าวในวันนี้ รวมถึงทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้
“หนุ่ม กะลา” เดินทางกลับทันทีหลังเซ็นหย่า ด้าน “จูน เพ็ญชุลี” อดีตภรรยาให้สัมภาษณ์สื่อ ยอมรับหวิว ใจหาย นาทีเซ็นหย่า ไม่อยากเดินมาถึงจุดนี้ แต่โล่งใจไม่ต้องคาราคาซัง ต่างคนต่างแยกย้าย ไม่มีอะไรคาใจแล้ว
หลังจาก “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ได้เคลียร์จบคดีที่ฟ้อง “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” อดีตภรรยา ยักยอกเงิน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทองบริบรูณ์ 365 ตั้งแต่ปี 2558 - 2566 รวม 452 ครั้ง จำนวน 66 ล้านบาท โดยทั้งคู่ไกล่เกลี่ยจบด้วยดี หนุ่มถอนฟ้องอดีตภรรยา และนัดกันหย่าในวันนี้ (25 ก.ค.67) ณ ที่ว่าการอำเภอสมุทรปราการ ซึ่งจูนมาถึงก่อนในเวลา 13.30 น. พร้อมเพื่อน และทนายพัฒน์ ทนายเมียหลวง เจ้าตัวเดินทางมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
ทักทายและเผยสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวที่ถามว่าวันนี้โอเคไหม ซึ่งเจ้าตัวยิ้มรับและบอกว่า “โอเคค่ะ”
จากนั้นเวลา 14.00 น. ฝั่ง “หนุ่ม กะลา” ก็ได้เดินทางมาถึงด้วยสีหน้านิ่งเฉย ตรงขึ้นไปบนชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอทันที จนแล้วเสร็จในเวลา 14.50 น. “หนุ่ม กะลา” ได้ขอตัวลากลับโดยที่บอกเพียงสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกอย่างโอเคครับ เป็นไปตามที่ตกลงกันในศาล ขอบคุณทุกกำลังใจครับ”
ด้าน “จูน เพ็ญชุลี” ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ระบุว่า สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว เพราะผ่านระยะเวลามานาน แต่ก็แอบใจหวิว ใจหาย ไม่ได้เหมือนกัน เพราะความเป็นครอบครัวคงไม่มีใครอยากให้เดินมาถึงจุดนี้ แต่ก็โล่งใจที่จบปัญหาคาราคาซัง แยกย้ายไปใช้ชีวิต สุดท้ายตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนและพ่อแม่ให้กับลูกด้วยดี ไม่มีความโกรธเคืองกันแล้ว
“วันนี้ก็เรียบร้อยดีค่ะ (ยิ้ม) คุยกันปกติ เราก็ทำตามข้อตกลงที่เราทำไว้ตอนที่ขึ้นศาลค่ะ ไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มเติมค่ะ เรียบร้อยตั้งแต่ตอนขึ้นศาลแล้ว เงื่อนไขต่างๆ ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมค่ะ แต่ถามว่าวันนี้รู้สึกยังไงบ้าง เอาจริงๆ ก็หวิวๆ ใจหายนิดนึง แต่อันนี้ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเรา ก็สบายใจที่มันจบสักทีค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ ก็มีคนให้กำลังใจเยอะมาก ขอบคุณทุกๆ คนเลยนะคะ (ยกมือไหว้)
บรรยากาศที่เจอกันเมื่อกี้ก็ดีค่ะ เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไรติดค้าง ติดใจกันแล้ว ก็เป็นพ่อเป็นแม่เลี้ยงลูกกันไปค่ะ คือถามว่าเรื่องการหย่าเนี่ยมันก็ไม่ง่ายสำหรับผู้หญิงคนนึง แต่เราผ่านระยะเวลาความเศร้ามานานแล้วค่ะ ก็แค่ว่าจะมาเซ็นเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ตอนนี้ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจก็ปกติดีค่ะ (ยิ้ม) เพราะเรื่องมันก็คาราคาซังมาเกือบ 2 ปีแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ กับอดีตสามีก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วค่ะ (ยิ้ม)”
สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเยอะค่ะ เพียงแต่ว่าวันนี้เราก็มาทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง เราผ่านพ้นความเสียใจมาหมดแล้ว โอเคแล้วค่ะ ก็ 90% แล้วกัน (หัวเราะ) ถามว่าเหมือนในละครมั้ย จริงๆ ก็ไม่มีใครอยากให้เดินมาถึงตรงนี้หรอกค่ะ แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องแก้ไขปัญหาไป จัดการชีวิตตัวเอง เลี้ยงลูกไปแค่นั้นเองค่ะ จริงๆ จูนก็ยังทำงานเหมือนเดิม คุณหนุ่มเขาก็ดูแลในส่วนของค่าใช้จ่ายลูก เป็นการตกลงกันเรียบร้อย คุณหนุ่มก็ยังดูแล
ลูกเหมือนเดิม”
บอกไม่มีอะไรค้างคาแล้ว ต่างฝ่ายต่างถอย และดูประโยชน์ที่ลูกเป็นหลัก
“ไม่มีอะไรที่ค้างคาใจกันแล้วค่ะ เรารู้สึกโล่งใจด้วยซ้ำว่ามันจะได้ไม่ต้องคาราคาซัง เราจะได้แยกย้ายไปใช้ชีวิต เขาก็จะได้แยกย้ายไปทำงาน เราก็จะได้ทำงานของเรา ไม่ต้องพะวงอะไร ไม่มีอะไรกังวลแล้วค่ะ ถ้าจะให้พูดถึงสถาบันครอบครัวพอมันมาถึงจุดนี้ คือคนเราแต่งงานก็คงไม่มีใครอยากให้มาถึงจุดนี้ที่ต้องหย่ากันหรอกค่ะ แต่ในเมื่อมันไปไม่ได้ ก็หาตรงกลาง และดูประโยชน์ของลูกเป็นที่ตั้งดีกว่า ทะเลาะกันไปก็เท่านั้น ยอมถอยได้ก็ถอย
ก็ยังสามารถคุยกันแบบเพื่อนได้ค่ะ เมื่อกี้เราก็คุยกันปกติค่ะ ไม่ได้โกรธอะไรกัน เพราะมันจบไปแล้วค่ะ แต่บางทีถ้าไม่เข้าใจกัน ถามกันก่อนก็ได้ ไม่ต้องใจร้อน ตอนนี้ก็ในเมื่อเขาไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว จูนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเราก็รู้จักกันมานานเป็น 20 กว่าปี และยังเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกอีก ถ้าจะมานั่งทะเลาะกัน ไม่คุยกันอีก ก็คงลำบาก ส่วนเรื่องที่เขาจะมาเจอลูก อันนี้ได้ตลอดเลยค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ช่วงนี้ยังไม่ให้ไปค้าง เพราะว่าลูกยังเล็ก
เท่านั้นเองค่ะ“
ทางด้าน ”ทนายพัฒน์“ เผยว่าคดีที่ฟ้องมือที่ 3 ยังคงมีอยู่
”คดีอื่นๆ ก็ยังดำเนินต่อไปนะครับ ก็สักวันนึงน่าจะมีการยุติครับ แต่อาจจะต้องมีการพูดคุยกัน ถามว่าพอมีการหย่าเกิดขึ้นแล้วทำให้คดีง่ายขึ้นมั้ย คือมันไม่เกี่ยวกันครับ แต่บางสิ่งบางอย่างพอได้จัดการไปทีละเรื่อง มันก็จบไป ก็จะเหลือเรื่องที่ให้เราทำน้อยลง ซึ่งในมุมมองของเราก็เน้นที่การเจรจาเป็นหลักนะครับ เพียงแต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จำเป็นจะต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย ก็จะมีนัดเจรจาอีกทีพรุ่งนี้ที่ศาลจ.ลพบุรีครับ แต่เขาจะเดินทางไปเองมั้ยยังไม่
ทราบครับ ตัวคุณจูนก็ไม่ได้ไป เป็นทางทนายไปครับ”
ทั้งนี้ก่อนจะขึ้นรถกลับก็ยังแวะซื้อลอตเตอรี่ไป 1 คู่ คุณป้าที่ขายของอยู่บริเวณนั้นก็ได้นำโรตีสายไหมมาให้เพื่อเป็นกำลังใจ ซึ่งจูนก็รับไว้และขอบคุณทุกกำลังใจที่มีมาให้ตนอย่างต่อเนื่อง
- เริ่มแล้ว เช็กสิทธิ์ รับเงิน 10,000 เฟส 2 อายุ 60 ปีขึ้นไป เริ่มโอนเงิน 27 ม.ค. 68
- บี้ กทม. ซ่อม “ศูนย์กีฬา” เสื่อมโทรม ห่วงความปลอดภัยผู้ใช้บริการ เล็งให้เอกชนร่วมบริหาร
- ไม่เสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เพียงกิน 7 อาหารน้ำตาลต่ำต้านการอักเสบ
- "เบาหวานเปียก" กับ "เบาหวานแห้ง" คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
- "เอมี่" จัดทริปฉลองวันเกิดขึ้นเลข 4 ให้เพื่อนรัก สองสาวทริปนี้แซ่บมาก